Semantic Web

ทำไม CSS XHTML มันไม่ใช่แค่ที่เห็น

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ วันหนึ่งข้างหน้า สื่อสิ่งพิมพ์ ทุกชนิดสามารถเปลี่ยนไปใช้วัสดุพิเศษ ที่สร้างสรรค์ออกมาใหม่ คล้ายกระดาษ สามารถพลิกหน้าอ่านได้เหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน แต่ ใช้ไฟฟ้าในการให้พลังงานเพื่อขับเคลื่อนและใช้ อินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมต่อฐานข้อมูล จากผู้ให้บริการมาแสดงผลในหน้าหนังสือแต่ละหน้า

สมมุติว่า มีนิตยสารสักเล่ม ที่วางแผงครั้งแรกด้วยวัสดุที่ว่านี้ ตามหลักการแล้ว คือวางแผงครั้งเดียว หรือ ให้ฟรีสำหรับตัวแม่พิมพ์รับข้อมูล ผมขอเรียก “ตัวแม่พิมพ์รับข้อมูล” ก็แล้วกันนะครับ แล้วพอถึงกำหนดวางแผงในแต่ละรอบ เมื่อสำนักพิมพ์ จัดวางเลย์เอ้าท์ และข้อมูลเรียบร้อย ทำเป็นหน้าเว็บเพจ XHTML และ จัดแต่งด้วย CSS แล้วนำลงสู่ฐานข้อมูล เพื่อให้บริการ ระบบจะส่งข้อมูลอัพเดทเหล่านั้นมายัง “ตัวแม่พิมพ์รับข้อมูล” ที่คุณได้รับเอาไว้ก่อนหน้านี้ และเนื้อหาอัพเดท ปรับเปลี่ยนอัตโนมัติ ไปเรื่อยๆ อย่างนี้ทุกรอบวางแผงไป ถ้าคุณยังไม่พอใจสำหรับนิตยสารเล่มนั้น คุณก็ไม่ต้องตอบรับ จ่ายเงินทางบัตรเครดิต สำนักพิมพ์ก็จะหยุดการส่งข้อมูลมายัง “ตัวแม่พิมพ์รับข้อมูล” ของคุณเอง แล้วส่งพนักงานมาเก็บอุปกรณ์เหล่านั้นกลับไปเพื่อให้ผู้สนใจรายอื่นต่อ

SEO ผลพลอยได้จากการทำ Website ให้เกิด Accessibility สูง ๆ

เจ้าของ Website หลาย ๆ คนต่างก็อยากได้ผลลัพธ์ทาง SEO ที่สูง ๆ บางคนใช้วิธีการโกงต่าง ๆ นานา เพื่อให้ Website ของพวกเขานั้นได้ผลลัพธ์ทาง SEO อย่างที่คาดหวังไว้ ในทางเดียวกัน ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้จึงทำให้เกิดอาชีพ search engine optimizer เพื่อสนองตอบความต้องการ เจ้าของ Website ต่าง ๆ ที่ต้องการผลลัพธ์ทาง SEO สูง ๆ เช่นนี้ ซึ่งหลาย ๆ ผู้ให้บริการในส่วนนี้ใช้เทคนิคที่ไม่ค่อยจะดีต่าง ๆ นานา อาทิ การ spam ตัวอย่างเช่น เอา Link ไปแปะไว้ในเวปที่มี page ranking สูง ๆ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นมาก หรือ การซ่อนข้อมูล ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาใน Website (User มองไม่เห็นแต่ Search Engine นั้นมองเห็น) หรือ Trick อื่น ๆ ต่าง ๆ ที่เยอะแยะมากมายอธิบายไม่หมด เหล่านี้เรียกว่า Black Hat ผมคิดว่าบางท่านที่กำลังอ่านนั้นก็คงใช้กันอยู่ด้วยความเคารพจะขอเอ่ยไว้ ก่อนว่าผมไม่ได้ต้องการโจมตี หรือ แฉใคร เพียงแต่อยากให้หันมาลองพิจารณาวิธีนี้ที่ผมจะเขียนให้ท่านอ่านกันบ้าง

การทำ SEO แบบ Black Hat นั้นเป็นอันตรายทั้งต่อ User และ Search Engine อธิบายคร่าว ๆ ง่าย ๆ สั้น ๆ ว่า การกระทำแบบนี้จะส่งผลให้ Search Engine นั้นต้องทำงานหนักมากขึ้น และ User อาจจะได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอีกด้วย สิ่งที่ผมกำลังจะกล่าวถึงนั้นคือ White Hat SEO ซึ่งเป็นการพัฒนา Website ของคุณง่าย ๆ ด้วยการเขียน code ให้สนับสนุนกับระบบของ Search Engine เช่น แยก Style ออกจาก html code ลดการใช้ JavaScript ที่ไม่จำเป็น และ ลดความหนาแน่นของ code (ใช้เท่าที่จำเป็น) เหล่านี้ จะทำให้ง่ายต่อการ Spider ของ Search Engine ง่ายต่อการ index และ ง่ายต่อการจัดอันดับ Page Rank

12 ข้อคิดสำหรับผู้ที่กลัว CSS และ Standard (จบ)

เมื่อคุณย่างก้าวที่จะเข้าสู่โลกของการ design แบบ tableless layout นั้น สิ่งที่คุณต้องคิดถึงไม่ใช่แต่เพียงคิดว่าจะจัดวาง container elements ของคุณอย่างไรแต่สิ่งที่คุณไม่ควรมองข้ามคือการจัดการ selector ของคุณด้วย

12 ข้อคิดสำหรับผู้ที่กลัว CSS และ Standards (3)

ข้อที่4: ความสุดยอดไม่ใช่ Desgin จนไม่มีอะไรจะใส่ลงไปแล้ว หากแต่ความสุดยอดนั้น คือ ไม่มีอะไรจะตัดออกไปแล้วต่างหาก

การที่จะเขียน code markup ขึ้นมาให้สนับสนุนกับมาตรฐานเต็ม ๆ นั้นมันขัดแย้งกับการที่เราใช้ table ที่เป็น container elements บรรจุทุก ๆ สิ่ง ทุก ๆ อย่าง แบบเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง เราจะใช้ container elements ให้เหมาะสมกับข้อมูล และ ไม่เอามาบรรจุ content ของเรามากมายซับซ้อนเหมือนแต่ก่อน คิดง่าย ๆ เลยให้คิดว่าเราจะเขียนหนังสือสักเล่มเราจะจัดระบบ content ของเราอย่างไรเริ่มและจบด้วยอะไร
อย่าเพิ่งคิดว่าจะปรุงเสริมเติมแต่งมันอย่างไร ให้เริ่มที่ content ของเราก่อน ดูว่าเราจะใช้อะไรร่วมกัน อะไรที่ต้องใช้แยกกัน (หมายถึง CSS properties ของ elements ต่าง ๆ)  ใช้เท่าที่จำเป็น และ ประหยัด (design อย่างพอเพียง) อย่ากลัวที่จะต้องใช้ divs  หรือ spans หรือ p หรือ อื่น ๆ ที่มี class ร่วมกันให้คิดเสียว่ามันเป็นการจัดหมวดหมู่ข้อมูล ก็เหมือนกับที่คุณจัดเอกสาร หรือ จัดรูปเล่มหนังสือนั่นแหละ เรียงลำดับ priority ของข้อมูลเริ่ม coding จากสิ่งที่สำคัญที่สุดไปหาสิ่งที่สำคัญน้อยที่สุด (เลือก tag ให้เหมาะสม) ตัด tag ที่ไม่จำเป็นออกไป ใช้เท่าที่ควรจะใช้ (ผมเริ่มอย่างนี้น่ะนะ) แล้วก็มาคิดว่าเราจะ design หน้าตาออกมาอย่างไร ข้อนี้มันจะเกี่ยวเนื่องไปถึงข้อต่อไป …

ข้อที่5: สำหรับ site ใหญ่ ๆ ที่มีทีมดูแล หรือ สร้างหลายคน (website องค์กรใหญ่ ๆ หรือ web portal ต่าง ๆ หรืออะไรก็ตามแต่)

website ขององค์กรใหญ่ ๆ หรือ website ที่มีความหนาแน่นของข้อมูลมาก ๆ หรือ บริษัทที่มีการแยกแยะหน้าที่เป็นระบบเป็นหมวดหมู่ บางที designer อาจจะยังไม่เข้าใจถึง content ที่เราต้องการจะใช้ หรือ โครงสร้างลำดับขั้นของข้อมูลอาจจะทำให้ design ที่ออกแบบออกมานั้นไม่เอื้อต่อการที่จะทำเป็น มาตรฐานเท่าไหร่ (ปัญหานี้เคยประสบกันบ้างไหมครับ) เพราะฉะนั้นทุก ๆ ครั้งก่อนจะเริ่มลงมือทำอะไรให้ทีมพัฒนานั้นมีการประชุมตกลงกันก่อน คุยกันให้แล้วเสร็จในทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่าง เพราะการคิดไปเรื่อยโดยไม่มีการกำหนดขอบเขต หรือ การกำหนดแนวทางเดิน และ/หรือ การเจริญเติบโตของ site ทำไปเพียงวันวันนั้น จะเกิดการสะสมของข้อมูลที่ใช้ไม่ได้ หรือ Link ที่เสียก็ได้ รวมไปถึงการสิ้นเปลือง class หรือ tag ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้

Back to Top