นมโรงเรียน+นมมหาลัย=นมกิ๊กมหาภัยปนเปื้อนเมลามีน

แตกต่างกันอย่างไรบ้างกับการผลิตมาเพื่อจำหน่าย และผลิตมาเพื่อบริโภคในครัวเรือน อย่างแรก ก็บอกแล้วว่าผลิตมาเพื่อจำหน่าย อย่างที่สองก็ผลิตมาเพื่อเลี้ยงชีพในครอบครัว เฉกเช่นครอบครัวของผมเองที่ปลูกข้าวเพื่อกินในครัวเรือน แต่ทำสวนแตงร้านเพื่อขาย

มีครั้งไหนไหมที่ข้าวที่ปลูกไว้แล้วไม่พอกินได้ตลอดทั้งปี คำตอบคือไม่มี แล้วมีครั้งไหนไหม ที่สวนแตงทำออกมาแล้วราคาถูกจนไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุนไปจนไม่กล้าเก็บผลิตผลไปขายเพราะเกรงว่าค่าน้ำมันรถจะทำให้ขาดทุนมากกว่าเดิม คำตอบคือ มี

ครอบครัวของผมทำ หมายถึง พี่ชาย พี่สาว ที่อยู่ที่บ้านทำ ถ้าเมื่อใดก็ตามที่แตงออกจากสวนเมื่อไปถึงตลาดแล้วได้กิโลกรัมละ 2 บาทเมื่อไหร่ นั่นคือหายนะอย่างแท้จริง

ก่อนขายแตงจะถูกแพ็คเป็นถุง แยกออกเป็นสามประเภท มีแตงดี แตงงอ และอันที่สามเพิ่งโผล่มาให้เห็นคือ แตงก้าง อันนี้แพงสุด เพราะเมื่อมองดูแล้วมันโคตรงามจริงๆ (ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง แตงงามเพราะยา) ตามราคา เมื่อประมาณต้นเดือนธันวา 2550 ที่ผ่านมา (5 ธ.ค. ณ ตลาดเมืองทอง อุดรฯ) ผมมีโอกาสได้ไปส่งแตงที่ตลาดขายส่งกับพี่สาว ราคาแตงก้างอยู่ที่ 110 บาท ต่อ 1 แพ็ค แตงดี 100 บาท และแตงงอ 80 บาท แต่ราคามีขึ้นลงทุกวัน วันก่อนพี่ชายผมบอก ตอนนี้แตงก้างอยู่ที่ 35 บาท (1 ถุง เท่ากับ 10 กิโลกรัม) ไม่ต้องพูดถึงแตงดี กับแตงงอ

เคยมี ที่ราคาแตงตกต่ำ จนพี่ๆ ของผมปล่อยให้ชาวบ้านไปเก็บกินฟรีๆ เพราะไม่คุ้มค่าแก่การเก็บเกี่ยว แต่ผมยังไม่เห็นว่าพี่ๆ ของผมขนแตงไปโยนทิ้งต่อหน้านักข่าวที่ไหนในช่วงราคาแตงตกต่ำ อาจเป็นเพราะยังไม่ถึงขั้นนั้นหรือว่าพี่ผมรู้อยู่แล้วว่าคงไม่มีรัฐบาลหน้า ไหนแก้ไขได้

ผิดกับที่ชาวโคนมอาบนมแทนน้ำ ผมนึกเสียดายแทนสาวไฮโซที่อาบน้ำนม ต่างเห็นกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมใส่เสื้อผ้าชุดฟาร์มนมเต็มยศ อาบน้ำนมต่อหน้านักข่าวเพราะราคานมตกต่ำ น่าจะอยู่ที่ ข้างละ 800-1200 บาท สองข้างก็ 1600-2400 บาท ถ้าสองครั้งก็ คูณสองเข้าไป เฮ้ยๆๆๆ ไม่ใช่แล้ว นั่นมันเรื่องนมมหาลัย

อ้าว กลับมาที่นมโคกันก่อน

ในขณะที่เกษตรกรโคนม เอานมไปเททิ้ง กลับมีเด็กๆ ในโรงเรียนขาดแคลนนมคุณภาพ

มันเป็นปัญหาซ้ำซาก ตั้งแต่สมัยไหนมา ก็มีเรื่องนี้ตลอด สมัยผมเป็นเด็กก็เจอ ให้ตายสิ อ้าว ผมเกิดมาไม่ทันสมัยนมโรงเรียน จึงโชคดีไปที่ไม่ต้องดื่มนมโรงเรียน แต่ลูกหลานนี่สิ ต้องมาเจอวิบากกรรมกับนมปลอม ผมจึงหายสงสัยว่าทำไมหลานสาวของผมมันไม่ชอบดื่มนมโรงเรียน

มีหลานสาวสองคน คนหนึ่งไม่ชอบกินนมโรงเรียน แต่อีกคน กินนมโรงเรียน สมมุติ ว่าชื่อ แบม กับ จุ๋ง เพื่อไม่ให้สับสน แบม (ป.6) ไม่ชอบกินนมโรงเรียน จุ๋ง (ป.5) ชอบกินนมโรงเรียน หลังเลิกเรียน แบม จะหอบนมกลับมาที่บ้าน เพราะครูแจก จำเป็นต้องเอากลับมา ส่วนจุ๋ง เรียบร้อยไปตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียน พอกลับมาถึงบ้าน จุ๋ง รู้ว่า แบม ไม่กินนม ก็จะไปค้นในตู้เย็นและ สอยมากิน

สองปีผ่านไป แบม โตวัน โตคืน สูงยาวเข่าดี แต่จุ๋ง ยังไม่ไปไหน แถมถูกเพื่อนๆ เรียก อีเตี้ย เหมือนเดิม แบม วิ่งเร็วจนเป็นตัวแทนนักกรีฑา เทศบาลนครอุดรธานีไปแข่งกรีฑาการปกครองส่วนท้องถิ่นระดับประเทศ (ชนะเลิศระดับภาคที่ ขอนแก่น) ที่กาญจนะบุรีเมื่อมกราคมที่ผ่านมา ได้มา 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง (แพ้กรุงเทพ กับภูเก็ต สงสัยเขากินนมอย่างอื่นกัน)

ด้านการเรียน ที่ผ่านมา ทั้งสองคนได้ลำดับผลการเรียนในชั้น ที่ 3 ที่ 4 แข่งขันกันมาตลอด (มันเรียนคนละชั้น คนละห้อง แต่เอามาอวดกันที่บ้าน) แต่ เมื่อเทอมที่ผ่านมา แบม ขยับจากสอบได้อันดับ 4 ไปอยู่ที่ 3 ส่วน จุ๋ง หล่นจากที่ 3 ไปอยู่ที่ 15

แน่นอน ลูกสาวผมจะขึ้นอนุบาล 2 ปีนี้ รับรองผมไม่ยอมให้กินนมโรงเรียนเป็นแน่แท้ (แต่ตอนนี้ อืมมม ลูกสาวผมยังไม่ยอมคุยกับพ่อมันเลย) ผมคงส่งผ่านไปยังหลานๆ ด้วยว่า อย่าเพิ่งกินนมโรงเรียนในช่วงนี้ เพราะราคานมตกต่ำ

รอให้รัฐบาลแก้ปัญหาการทุจริจนม ซุกนมให้เสร็จก่อน ค่อยกินกันอีกที เราจะได้กินนมกันอย่างสบายใจ

(หมายเหตุ เรื่องที่เล่ามาด้านบน อาจจะไม่เกี่ยวกับเรื่องนม แต่อาจจะเกี่ยวในเรื่อง “การคัดสรรค์ของธรรมชาติ” ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้)

ในขณะที่เรามีปัญหาซ้ำซากกับ “นมโรงเรียน” ไม่วาย ปัญหา “นมมหาลัย” และ “นมกิ๊กนักการเมือง” ก็ไม่ได้หนักยิ่งหย่อนไปน้อยกว่ากัน

ผลการเรียนวิชาฟิสิกส์ทั่วไป 1ของนิสิตคณะวิทยาศาสตร์จุฬาฯ กลุ่มกายภาพและเทคโนโลยี เกรดเฉลี่ยลดลงเหลือแค่ 1.21 ในปี 2550 จาก 1.94 ในปี 2547 (อ้าง: มติชนสุดสัปดาห์ ปีที่ 9 ฉบับที่ 1490 หน้า 7)

ไม่แน่ ผลการเรียนที่ตกต่ำนั้น อาจจะเป็นเพราะ ที่ผ่านมาเด็กๆ เหล่านั้นดื่มนมที่ไม่ได้มาตรฐานมาก่อน

เจ๊บวบ แจ้งมา โปรดระวังนมในมหาลัยบางเต้าก็ไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ อาจมีเชื่อโรคปะปนอยู่มากมาย โปรดพิเคราะห์ให้ดีก่อนตัดสินใจดูด ไม่แน่เช่นกัน นมมหาลัยที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจจะมาจากเด็กกินนมโรงเรียนที่ไม่ได้มาตรฐานมาก่อน

ไม่น่าเชื่อ ว่าปัญหานมๆ จะกระทบชิ่งไปยังยกทรง หรืออุปกรณ์ห่อหุ้มนมด้วย

ผมเคยเห็น สมัยก่อน ยกทรงผู้หญิงมันจะมีซิป อยู่ตรงกลาง เพื่อที่จะเก็บเงินได้ แต่นั่นมันเทรนเก่ามากมาย สมัยแม่ผมใช้ แต่แปลกใจ ดันกลับมาฮิตสมัยนี้อีกครั้ง เห็นนักการเมืองหลายคนเอาเงิน เอาหุ้น เข้าในซ่อนในยกทรงเหล่านั้น เวลาเรียกใช้ ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งนม แถมไม่ต้องแจ้งยอดบัญชีทรัพย์สินด้วย

ประเทศชาติจะดำเนินไปทางไหนก็เลือกคิดเอาเถิดผองเพื่อนทั้งหลาย แล้วอย่างนี้เราจะมาหวังกันทำไมให้ผู้คนหันมาสนใจเขียนเว็บให้ได้มาตรฐานตาม แบบฉบับของ Web Standards เพราะนมที่เราดื่มกินกัน มันไม่ได้มตรฐาน

เห็นไหมว่า นมไม่ได้มาตรฐานมันส่งผลร้ายต่อประเทศชาติได้ขนาดไหน

แต่ ขอให้นม จงสถิตย์ อยู่กับท่าน สาธุ อนุโม ทามิ

Back to Top

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.

Back to Top