บ้านนอก

Tag: บ้านนอก

สงกรานต์และครอบครัว

ผมพยายามนึกว่า ผมมีความสนุกสนานกับเทศกาล สงกรานต์ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ หรือ ได้เปียก กับสงกรานต์ ครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ มันลางเลือน ระหว่าง 5 หรือ 6 ปีย้อนหลัง แค่เพียงรู้สึกเฉยๆ กับงานเทศกาล แบบนี้ ไม่ใช่ไม่ให้ความสำคัญ แต่ความรู้สึกมันเฉยๆ มากกว่า เฉกเช่นเดียวกับงาน ปีใหม่

ไม่ใช่ว่าผมไม่ได้กลับบ้านเลย ผมกลับไป เยี่ยมแม่ แลพี่ๆ แต่ปีนี้ ผมก็พลาดการ รดน้ำ กระดูกพ่อ อีกครั้ง

แค่เพียงผมกลับไปก่อนสงกรานต์ แค่นั้นเอง ครอบครัวของผมจึงได้เฮฮา แม่ พี่น้องและหลานๆ ก่อนสงกรานต์ และก่อนใครในหมู่บ้าน

มันเป็นวันธรรมดา ของคนอื่น แต่มันไม่ใช่วันธรรมดาของครอบครัว “อันทะวงษา” ที่จะสามารถรวมพลกันได้ทั้งครอบครัวขนาดนี้ แม่ 1 และลูกๆ อีก 8 คน ซึ่งแต่ละคน ก็มีหน้าที่การงานกันหมดแล้ว พร้อมเหล่าหลานๆ สุดแสนจะดื้อซน ที่พวกมันจะตื่นเช้าอะไรกันนักหนา

ปิดเทอม

ในเมื่อวิถี แห่งชุมชนคนบ้านบอก ไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์ ไม่มีวันลา ไม่มีวันขาด มีแต่งานบุญประเพณีทางพิธีกรรมหรือศาสนาเท่านั้น เพียงพอที่จะทำให้ชาวนา ชาวสวนแห่งชนบท เว้นจากภาระหน้าที่การงานมาสังสรรค์เฮฮากันในรอบปี

พ่อแม่ ออกทำไร่ ไถนา ลูกหลาน ไม่ว่าจะเล็กหรือโต ก็ต้องออกไปยังเลือกสวนไร่นาของตนตามไปด้วย โดยไม่มีข้อโต้แย้งหรือข้อแม้ใดๆ เว้นแต่ว่า ครอบครัวนั้นไม่ได้มีอาชีพ ทำไร่ ทำนา เหมือนผู้คนในหมู่บ้านส่วนใหญ่

เฉกเช่น สมชาย เพื่อนผู้อาวุโสของผม บ้านของเขาอยู่ห่างจากบ้านของผมออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ สองกิโลเมตร ไม่มีไฟฟ้าไม่มีน้ำประปา ผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน ต่างพากันเรียกขานสถานที่แห่งนั้นว่า ทับ ซึ่งบ้านเรือนเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างง่ายๆ ไม่ถาวร เพราะอาชีพรับจ้างตัดอ้อย สมัยนั้นผู้นำครอบครัวต้องพาครอบครัวเดินทางตามเถ้าแก่ไร่อ้อย หน้าใหม่หน้าเก่า สลับกันไป ในต่างฤดูทำให้สถานที่พักพิงไม่เป็นหลักแหล่งแน่นอน

จวบจนเนิ่นนานหลายปีผ่าน ทับ แห่งนั้นได้กลายเป็นหมู่บ้านจริงๆ หลายครอบครัว เลือกที่จะหยุดปักหลักปักฐาน ใช้แรงงานแลกกับพื้นดินเพื่อให้ครอบครัวได้อยู่อาศัย ซึ่งพ่อแม่ของสมชายก็เป็นหนึ่งในนั้น

๑. เด็กบ้านนอก

น่าแปลกใจไม่น้อย ที่เมื่อผลสอบออกมา นั้นทำให้เหล่าเพื่อนสนิท ข้างกายของผม ต่างสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งทั้ง ที่มีเลข ศูนย์ ตัวสีแดง อยู่เกือบครึ่งค่อนสมุดรายงานเกรดนักเรียน ที่คุณครูประจำชั้น ป.2 เพิ่งขานชื่อให้นักเรียนในปกครองของตนออกไปรับ

และต้องมาแปลกใจยิ่งกว่า เมื่อทั้งสองนำตัวเลขอันไม่น่าพิศมัยของใครหลายคนในห้อง อย่างเลข ศูนย์ มาอวดประชันกัน ว่าใครได้ครอบครอง ผลผลิตแห่งความโง่เขลามากที่สุด ผมอาจจะไม่รู้สึกเสียใจสักเท่าไหร่ กับการพลาดโอกาสแห่งการแข่งขันในครั้งนั้น เลข สาม เพียงตัวเดียวที่แปลกแยกออกมาจาก เลข สี่ นั้นสามารถทำให้ผมรู้สึกผิดนิดๆ ที่ไม่สามารถทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ได้ ว่าจะเอาแค่เพียงเกรด สี่ เท่านั้นกลับบ้าน มิหนำซ้ำ ตำแหน่งผู้สอบได้ที่ หนึ่งก็หลุดลอยไปอยู่ กับคู่ปรับแห่งการเรียนของผม ตลอด ห้า เทอมที่ผ่านมา นาม จำเนียร

Back to Top