หลังจากที่ร้างลา ห่างหาย หลบเร้น ซ่อนลวง ไปนานหลายชั่วยาม ชีวิตที่มันดำเนินไป โดยสะดวก และไม่สะดวก ก็ได้พบคำตอบที่ค่อยๆ เปิดออกมาให้เห็น ว่าความเป็นจริงแล้ว เรากำลังดำเนินไป อย่างไร เพื่ออะไร และทำไม ซึ่งอันความยุ่งยากที่เราได้พานพบนั้น หากเข้าใจ จริงจังแล้ว มันจักใช่อยากยุ่งมายมากอย่างคิดไว้ไม่
อย่างที่ผู้รู้เขาบอกไว้ว่า ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำไป สิ่งใดที่มุ่งหวัง จักเกิดผล ไม่เสร็จวันนี้ ก็เสร็จพรุ่งนี้ ไม่เสร็จพรุ่งนี้ ก็เสร็จในวันต่อๆ ไป และหากว่าไม่เสร็จเลยไซร้ มันจึงเป็นเช่นนั้นเอง ประมาณได้ว่า สิ่งนั้นที่มันเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาเพื่อความไม่เสร็จสมบูรณ์ เกิดขึ้นมาเพื่อทำให้คนรู้ไม่เท่าทัน หงุดหงิดงุ่นง่าน กว่าจะรู้ว่า “ช่างมัน” เราก็เสียเวลา โอกาส ไปมากโข
หลากหลายเรื่องราวชีวิตดำเนินตามกาลแห่งเวลา พาเราล่วงไหลไป เปรียบเสมือนกำลังลอยล่องฟ่องฟูในสายธาร
สาธารแห่งเวลากาล กาลนั้น กาลนาน ที่เราไม่อาจจะหยุดยั้งมันเอาไว้ได้ด้วยตัวเอง
ผมนั่งนิ่ง ท่ามกลางความมืดมิด จิตใจลอยล่องหวนนึกถึงความหลัง กำพืดเหล่ากอที่หล่อเลี้ยง
กระชับกำชัด ว่า “เราเคยเป็นใคร ไป-มา อย่างไร” อย่าได้ลืม
เศร้านักในใจ มายืนอยู่ตรงนี้ได้ ทำไม คนอื่น ใคร ไม่ตามผมมา
เพื่อนพ้องคนเก่า ใครเล่าจะรู้ ยามยากถามใถ่ คำตอบเดียวที่ได้ “ขายแรงงาน”
คนไม่เคย คงไม่รู้ คนที่ได้ดู คงเพียงแค่ได้เห็น คนที่เคยผ่าน อาจจะไม่เคยเป็น
ความยากลำเค็ญ จริง จริงแล้วมันเป็นเช่นไร
เสียงเพลง The Distanceของ Travis ยังดังเจื้อยแจ้ว อยู่ในฉากหลัง นานเท่าไหร่แล้ว ที่ผมไม่ได้สำรวจตัวเอง แล้วถ่ายทอดความคิด ความนึก ออกมาเป็นตัวหนังสือ จากเบื้องลึกของจิตใจ
ครั้งล่าสุดที่ผมเขียนเรื่องราวทิ้งใส่ใน Web logคือเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2552 หรือเกือบปีแล้วที่ผมไม่ได้แวะเข้ามาอัพเดทเรื่องราวที่เว็บของตัวเองอีกเลย
แต่สำหรับอีกเว็บหนึ่งนั้น ยังเข้าดูแลอยู่ทกวันไม่ขาดสาย นั่นก็คือ www.thaicss.com นั่นแหละครับ
The Distanceที่กำลังบรรเลงเบาๆ ผ่านลำโพงออกมาประหนึ่งจะบอกว่า ระยะที่มันห่างแค่นี้ เกิดอะไรขึ้น ในทางกายภาพนั้น ผมกับ Web Logของตัวเองไม่ได้ห่างกันเลย แต่อาจเป็นเพราะเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ผมห่างหายจากเรื่องราวตรงนี้ไป
แตกต่างกันอย่างไรบ้างกับการผลิตมาเพื่อจำหน่าย และผลิตมาเพื่อบริโภคในครัวเรือน อย่างแรก ก็บอกแล้วว่าผลิตมาเพื่อจำหน่าย อย่างที่สองก็ผลิตมาเพื่อเลี้ยงชีพในครอบครัว เฉกเช่นครอบครัวของผมเองที่ปลูกข้าวเพื่อกินในครัวเรือน แต่ทำสวนแตงร้านเพื่อขาย
มีครั้งไหนไหมที่ข้าวที่ปลูกไว้แล้วไม่พอกินได้ตลอดทั้งปี คำตอบคือไม่มี แล้วมีครั้งไหนไหม ที่สวนแตงทำออกมาแล้วราคาถูกจนไม่คุ้มกับเงินที่ลงทุนไปจนไม่กล้าเก็บผลิตผล ไปขายเพราะเกรงว่าค่าน้ำมันรถจะทำให้ขาดทุนมากกว่าเดิม คำตอบคือ มี
ครอบครัวของผมทำ หมายถึง พี่ชาย พี่สาว ที่อยู่ที่บ้านทำ ถ้าเมื่อใดก็ตาม ที่แตงออกจากสวนเมื่อไปถึงตลาดแล้ว ได้กิโลกรัมละ 2 บาทเมื่อไหร่ นั่นคือหายนะอย่างแท้จริง
-1-
มันแปลกๆ ในความรู้สึก อาจจะเป็นเพราะผมคิดไปเองหรือเปล่า หรือเป็นเพราะเรื่องราวทั้งหลายที่หยิบยกเข้ามาใส่รวมกันเอาไว้นั้นมันต้อง ตรงตาม คำว่า “สุรา ความรักและนักสู้ประชาธิปไตย” ที่จั่วไว้หน้าปกหนังสือ หรือ จับมารวมๆ กันแล้วค่อยจั่วหัวตามเนื้อหา
แต่มันคือ “ทางโลก” ตามชื่อหนังสืออย่างที่ วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ว่าจริงๆ เมื่ออ่านจบทั้งหมด มันเป็นทางโลกที่ทำให้ผมเข้าใจว่า นี่แหละคือชีวิตทางโลก ผมปิดหนังสือลงไป ผมกลับไม่รู้สึกอิ่ม เหมือนหนังสือของนักเขียนเดียวกันนี้อย่างหลายๆ เล่มที่เคยได้อ่าน (หรือทุกปก ที่ได้รวมขายนั่นแหละครับ) ผมไม่พยายามหาสาเหตุมาเข้าข้างตัวเองใด ใด ว่าทำไมผมไม่อิ่ม (สารภาพตรงๆ มีเรื่องหนึ่งที่ผมอ่านไม่จบ) เพราะผมรู้ว่ามันคือ ทางโลก ตามที่ว่านั่นแหละ จึงได้รับความรู้สึกนั้น
ลุงคนขับกำลังเดินมานั่งประจำที่ หลังจากที่พ่อผมเรียกเป็นครั้งที่ 3 เพราะเกรงว่าเดี๋ยวจะกลับมาไม่ทันก๊งเหล้าตอนเย็นที่ใต้ต้นกระท้อนต้นใหญ่ หน้าบ้านผม
มันสำปะหลังเต็มคันรถอีแต๋น คาดว่าเที่ยวนี้น่าจะได้หลายพัน แต่คงไม่พอที่จะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำหรอก แค่เพียงเพื่อได้มาเป็นค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายเล็ก เล็ก น้อย น้อยพาลูกชายคนสุดท้องไปโรงพยาบาลในวันที่หมอนัดเดือนนี้ก็พอแล้ว
ผมรีบวิ่งขึ้นมานั่งตรงกลาง พร้อมขนมในมือกล่องลายสีฟ้ากล่องนั้น เสียดายที่ผมเด็กเกินไปที่จะรู้จักสังเกตยี่ห้อเจ้าขนมนั่น รู้เพียงแต่ว่า ข้างในคงจะมีอะไรดี ดี ตามที่ลวดลายข้างกล่องโพนทะนาเอาไว้ เวลาที่ผมเขย่ามันแล้วมีเสียงดังแกร็ก แกร็ก