Blogs

ลูกอมของแม่

ลุงคนขับกำลังเดินมานั่งประจำที่ หลังจากที่พ่อผมเรียกเป็นครั้งที่ 3 เพราะเกรงว่าเดี๋ยวจะกลับมาไม่ทันก๊งเหล้าตอนเย็นที่ใต้ต้นกระท้อนต้นใหญ่ หน้าบ้านผม

มันสำปะหลังเต็มคันรถอีแต๋น คาดว่าเที่ยวนี้น่าจะได้หลายพัน แต่คงไม่พอที่จะเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำหรอก แค่เพียงเพื่อได้มาเป็นค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายเล็ก เล็ก น้อย น้อยพาลูกชายคนสุดท้องไปโรงพยาบาลในวันที่หมอนัดเดือนนี้ก็พอแล้ว

ผมรีบวิ่งขึ้นมานั่งตรงกลาง พร้อมขนมในมือกล่องลายสีฟ้ากล่องนั้น เสียดายที่ผมเด็กเกินไปที่จะรู้จักสังเกตยี่ห้อเจ้าขนมนั่น รู้เพียงแต่ว่า ข้างในคงจะมีอะไรดี ดี ตามที่ลวดลายข้างกล่องโพนทะนาเอาไว้ เวลาที่ผมเขย่ามันแล้วมีเสียงดังแกร็ก แกร็ก

ยังไปไม่ถึงไหนกันเลยใช่ไหมครับ

สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดตลอดระยะเวลาเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา ที่ผมไม่ได้ขลุกอยู่ในวงการไอทีก็คือ กลัวตกข่าว ตามเทคโนโลยีไม่ทัน เพราะว่าวันหนึ่งข้างหน้าในไม่ช้า ผมก็คงไม่พ้นต้องกลับมาหากินกับมันอีกครั้ง

แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่า ผมบ้าไปเองคนเดียวเหมือนเดิม แต่ถึงยังไง ก็ยังต้องอัพเดทข้อมูล เรียนรู้เรื่องราวเพื่อที่จะมุ่งไปข้างหน้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปไหน แต่มันก็ไม่ได้ก้าวหน้าไปไหนนักหรอกเพราะทำหลายอย่างควบคู่กันไปเหลือเกิน

เรายังหวังพึ่งรัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้เต็มที่มากมายนัก อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าการเมืองบ้านเรา เน่าในขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่รับผิดชอบเรื่องเว็บโดยตรงที่วันๆ จ้องปิดแต่เว็บ ไม่รู้ว่าเยาวชนผู้ฝักใฝ่การงานด้านไอทีจะไปค้นหาข้อมูลเชิงลึกเพื่อที่จะ เตรียมตัวทำการทำงานจะไปเรียนรู้เพิ่มเติมจากไป นอกจากเว็บต่างประเทศ หรือไม่ก็ช่วยเหลือกันเองเล็กๆ น้อยๆ ตามประสา

เสาหิน:โรงเรียนของหนู

๑. ยามเช้า

เสียงเฮฮา พร้อมเต้นประกอบท่าแอโรบิคของนักเรียนประมาณ 80 คน พร้อมกับครู 2 คน ที่อยู่กลางสนามของโรงเรียนในยามเช้า ทำให้ผมต้องเดินเข้าไปดูใกล้ๆ มันเป็นการอุ่นเครื่องคลายความหนาวของครูๆ และนักเรียนของโรงเรียนบ้านเสาหิน ในหมู่บ้านที่ยามเช้าอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 10 องศา

นักเรียนจาก 6 หย่อมหมู่บ้าน มารวมและเรียนกันที่โรงเรียนแห่งนี้ มีการเรียนการสอน ป.1-ป.6 และครูจริงๆ 2 คน อีก 2 คนเป็นผู้ช่วย

๒. เล่าย้อน

ย้อนกลับไปวันแรกที่พวกเรามาถึง ผมกับเพื่อนอีก 2 คนเดินดุ่มๆ เข้าไปในบริเวณโรงเรียน สิ่งที่แปลกตาแต่ผมเข้าใจได้ คือเด็กนักเรียนทุกคน ไม่ว่าใครก็ตามเห็นพวกเราแล้วยกมือไหว้กันหมด ทำให้ผมนึกถึงโรงเรียนที่ผมเรียนเมื่อ 20 ปีก่อน ที่เป็นโรงเรียนชนบทเหมือนกันและสภาพของโรงเรียนไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่ บ้านผมพูดภาษาอีสาน นักเรียนแถบนี้ก็พูดอีกแบบหนึ่ง

เสาหิน: ความเหมือนที่แตกต่างของความเป็นไท(ย)

เสาหิน ตำบลเล็กๆ ของอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่กลางหุบเขา ติดชายแดนพม่า มีหมู่บ้านเล็กๆ อยู่กันเป็นหย่อมๆ หมู่บ้านละ 10-80 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่เป็นกะเหรี่ยงและไทใหญ่ ถือบัตรสีชมพู มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ถือบัตรแสดงตนเป็นคนไทยและอีกส่วนหนึ่งไม่มีบัตร หรือสำเนาทะเบียนบ้านแสดงความมีตัวตนใดๆ

ใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ใช้น้ำปะปาดอย

ระยะทางเกือบร้อยกิโลเมตรจากตัวอำเภอแม่สะเรียง มุ่งหน้าขึ้นสู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือเข้าไปเกือบๆ จะเหยียบชายแดนพม่า ด้วยรถกระบะ 4×4 เท่านั้น ถ้าไม่ขับเคลื่อน 4 ล้อ ก็ต้องเป็นรถสิบล้อขนของส่งเข้าพม่าด้านชายแดนเข้าสู่บ้านท่าทราย (ของพม่า) ซึ่งเป็นด่านผ่อนปรนภาษี

ที่ผมบอกต้องกระบะขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นก็เพราะว่าสภาพถนนที่เรียกได้ ไม่เต็มปากว่ามันเป็นถนน เพราะบางส่วนต้องวิ่งบนห้วย ใช่ครับ ขับรถล่องไปตามลำห้วย พวกเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมงกับระยะทาง 94 กิโลเมตร (พักกินข้าวที่ด่านยอดดอย) ในฤดูฝน สิ่งที่สิงห์บรรทุกสิบล้อทั้งหลายหรือคนที่จะเข้าไปยังเสาหินต้องเตรียมไป ด้วยคือ เต็นท์และอาหารสำรองระหว่างทาง เพราะบางครั้งน้ำป่าไหลแรงทำให้ไม่สามารถขับรถข้ามห้วยไปได้ ต้องนั่งรอ นอนรอกัน

ตำบลเสาหิน มีอะไรดีผมจึงต้องเข้าไปดู บอกตรงๆ ตรงนี้ว่า ไม่ได้มีอะไรแตกต่างหากมองเพียงผิวเผิน และแตกต่างจากหมู่บ้านโดยทั่วไปในเมืองไทยเป็นอย่างมากหากมองง่ายๆ เช่น ถนนหนทางไม่ดี ไฟฟ้าไม่มี 90% ของบ้านที่อยู่ตรงนั้นเป็นบ้านหลังคามุงใบจาก น้อยมาที่จะมีสังกะสีหรือกระเบื้อง

แต่ กะเทยเข้าถึงแล้ว!

ธรรมชาติ ควอนตัม ตัวตน สังคมและความเข้าใจ

ผมเชื่อว่าในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของใครก็ตาม ต้องพานพบกับการมองโลกในแง่ดีที่แสนดีของตัวเอง ช่วงเวลานั้นอาจจะมากอาจจะน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน ในทางตรงกันข้าม เมื่อถึงจุดหนึ่งเหตุการณ์มันจะตรงกันข้าม คือมองโลกในแง่ร้ายสุดๆ

ตามหลักการทางพฤติกรรมของทฤษฎีควอนตัมแล้ว ความแน่นนอนคือความไม่แน่นอน ความเข้าใจคือความเข้าใจ ดั่งที่นักฟิสิกส์ทฤษฎีนาม ริชาร์ด ฟายด์แมน ได้กล่าวเอาไว้ “ใครที่คิดว่าตัวเองเข้าใจในควอนตัม แสดงว่าใครคนนั้นไม่ได้เข้าใจมันจริงๆ หรอก” เพราะโดยหลักการใรความเป็นไปไม่ได้ยังมีโอกาสเป็นไปได้ และในทางตรงข้ามกันก็เกิดขึ้นได้เสมอ หรือ ใครที่เริ่มศึกษาเกี่ยวกับควอนตัมแล้วไม่เกิดอาการ งง ในตอนแรก ก็แสดงว่าผู้นั้นยังไม่ใกล้กับคำว่าเข้าใจ

กล่าวคือ อย่าเพิ่งไปด่วนตีความว่าตัวเองเข้าใจในควอนตัม

ความเข้าใจในควอนตั้มของผมยังอยู่ห่างออกไปประมาณ สิบยกกำลังลบสามสิบสี่ (10-34) (ลบจุดศูนย์สามสิบสี่ตัวแล้วตามด้วยเลขหนึ่ง) กล่าวคือผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ประเทศไทยในสงครามสี ที่หนาวเย็น

เรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่กำลังกังวลร่วมกัน ณ ตอนนี้คงหนีไม่พ้น กังวลในสภาพความป่วยไข้ของประเทศ ที่นับวันยิ่งป่วยหนักไม่มีวี่แววว่าจะหายาขนานใดมารักษา ได้แต่นั่งมองดูตากันไปมาและทอดอาลัยสีนั้นที สีนี้ที

การนิ่งเฉยของผมก็ไม่วายถูกคนข้างๆ ครหาว่าไม่รักชาติ การออกไปเดินในที่ชุมชน ก็โดนบางคนคิดว่าเป็นสีนั้น สีนี้จนเกือบจะเป็นเรื่องเป็นราว กับล่าสุดที่ผมสะพายย่ามออกไปเดินเตร่ยามค่ำคืนในเชียงใหม่

ทุกวันนี้สิ่งที่ผมทำได้ก็คือเสพข่าวสารเฉยๆ แต่ไม่แสดงความคิดเห็นด้านการเมืองใดๆ ไม่ว่าจะกับคนใกล้ชิดก็ตาม ซึ่งก็คงจะเหมือนใครหลายคน เพราะอะไรนั้นเราคงไม่ต้องบอกกัน