ในขั้นต้นของการคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่จะนำมาทำเป็น list ในรูปแบบต่างๆ ความเข้าใจในพื้นฐานของความเป็น list คือสิ่งสำคัญ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนคือ list ที่ต้องเรียงลำดับ (ol) อันไหนคือ list ที่ไม่ต้องเรียงลำดับ (ul) หรืออันไหนคือ list ของข้อมูลที่มีขอบข่ายของหัวข้อและการบรรยายที่กว้างและมากออกไป (dl)
เนื้อหาในบทความนี้เราจะมาดูกันว่าเราจะเลือกใช้ Element กับข้อมูลที่เราต้องการนำเสนอให้เหมาะสมอย่างไร
List ทั้ง 3 รูปแบบ
1. ol หรือ ordered list คือ list ที่ต้องการนำเสนอแบบเรียงลำดับ เช่น ข้อ 1,2,3,… ไปเรื่อยๆ
ตัวอย่างการใช้
<h1> ข้อดีของการทำเว็บแบบ Height Accessibility </h1>
<p> การทำเว็บเพื่อให้ง่ายและมีประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูล แบบสุดยอด มีประโยชน์เป็นข้อๆ ดังนี้ </p>
<ol>
<li> สามารถทำให้หน้าเว็บมีคุณค่ามากกว่าเดิม </li>
<li> Robots ชอบใจและแวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยกว่าเดิม </li>
<li> เว็บถูกหลักอนามัยเหมาะสำหรับการเข้าถึงทุกรูปแบบ </li>
<li> ฯลฯ </li>
</ol>
การแสดงผล Ol
ข้อดีของการทำเว็บแบบ Height Accessibility
การทำเว็บเพื่อให้ง่ายและมีประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูล แบบสุดยอด มีประโยชน์เป็นข้อๆ ดังนี้
- สามารถทำให้หน้าเว็บมีคุณค่ามากกว่าเดิม
- Robots ชอบใจและแวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยกว่าเดิม
- เว็บถูกหลักอนามัยเหมาะสำหรับการเข้าถึงทุกรูปแบบ
- ฯลฯ
ข้อมูลที่เขียนขึ้นข้างต้นจะถูกนำเสนอออกมาในลักษณะ header ของ h1, description ของ paragraph ของ p และข้อมูลที่เป็น list ที่ถูกเรียงเป็นข้อๆ 1,2,3,4… ของ ol นั่นเอง
2. ul หรือ unordered list คือ list ที่ไม่ต้องการการเรียงลำดับ แต่เน้นการนำเสนอเพื่อสร้างความเข้าใจเป็นหลัก โดยจาก ol ที่มีเลขหน้า ค่าปกติพื้นฐานจะถูกเปลี่ยนมาเป็น bullet (•) นำหน้าแทน
ตัวอย่างการใช้ ul
<h1> เอกสารที่ต้องเตรียมให้พร้อมเมื่อต้องเข้าร่วมสัมมนา </h1>
<p> ผู้เข้าร่วมฟังการสัมมนาในครั้งนี้ ควรจะมีอุปกรณ์ส่วนตัวที่ต้องเตรียมมา เว้นแต่ว่าหามิได้ </p>
<ul>
<li> ถุงยางอนามัย </li>
<li> ปืน </li>
<li> กางเกงยีนส์ </li>
<li> มะละกอ </li>
</ul>
การแสดงผล Ul
เอกสารที่ต้องเตรียมให้พร้อมเมื่อต้องเข้าร่วมสัมมนา
ผู้เข้าร่วมฟังการสัมมนาในครั้งนี้ ควรจะมีอุปกรณ์ส่วนตัวที่ต้องเตรียมมา เว้นแต่ว่าหามิได้
- ถุงยางอนามัย
- ปืน
- กางเกงยีนส์
- มะละกอ
ข้อมูลที่ถูกนำเสนอแบบ ul จะเน้นไปที่การนำเสนอเป็น list อย่างเดียว โดยไม่ได้เน้นว่าอะไรสำคัญ มาก่อนหลัง หรือการนับเป็นจำนวนข้อๆ ซึ่งนั่นคือข้อแตกต่างที่พอสรุปได้แบบสังเขปของการใช้ ol และ ul
จาก list ทั้งสองแบบที่กล่าวมาข้างต้น การนำเสนอข้อมูลจะถูกใช้โดย <li> หรือ list ซึ่งเป็น Definition ของทั้ง ol และ ul นั่นเอง
ในเรื่องต่อไป เราจะมาดูการใช้ dl dt dd กันครับ
2 Responses to List หรือ ข้อมูลที่เป็นลิสต์ (ol, ul, dl)